การจัดเก็บแฟ้มภาพกราฟิก
ในงานกราฟิกนั้นจะมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างหรือแก้ไขภาพกราฟิก
ซึ่งจะพบว่า ความเร็วในการประมวลผลภาพแต่ละภาพช้าเร็วต่างกัน
ทั้งนี้เพราะว่า แต่ละแฟ้มภาพใช้เนื้อที่ในการเก็บข้อมูลไม่เท่ากัน
ซึ่งจะขึ้นกับ ความละเอียดของภาพ
จำนวนสี และรูปแบบของแฟ้มข้อมูล
3.3.1 ความละเอียดของภาพ
ความละเอียดของภาพหมายถึง จำนวนจุดที่ใช้ในการประกอบกันเป็นภาพ เช่น ความละเอียดของภาพขนาด 640 x 480 จุด
3.3.2 จำนวนสี
จำนวนสีหมายถึง จำนวนสีที่จุดภาพสามารถเก็บหรือแสดงได้ เช่น จุดภาพ 1 จุดที่ใช้เนื้อที่ 8 บิต จะมีจำนวนสีได้ 256 สี
3.3.3 รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก
รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก หมายถึง รูปแบบของข้อมูลที่ใช้ในการจัดเก็บภาพกราฟิกลงในแฟ้ม มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ตัวอย่างเช่น
1) จิฟ (Graphics interchange Format : GIF) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .GIF เป็นรูปแบบการเปลี่ยนระหว่างกราฟิกแฟ้มภาพกราฟิกที่พัฒนาขึ้นมาใช้เข้ารหัสและรับส่งแลกเปลี่ยนแฟ้มภาพกราฟิกบนอินเทอร์เน็ต จึงมีการบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลดขนาดของแฟ้ม โดยกำหนดให้ภาพที่เก็บด้วยรูปแบบนี้แต่ละจุดภาพมีขนาด 8 บิต ภาพที่เก็บด้วยรูปแบบนี้จึงมีความละเอียดที่จำนวนสี 256 สี ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานในการทำงานปกติทั่วไป มักจะใช้เมื่อต้องการไฟล์ที่มีขนาดเล็ก , จำนวนสีและความละเอียดของภาพไม่สูงมากนัก , ต้องการพื้นแบบโปร่งใส , ต้องการแสดงผลแบบโครงร่างก่อน แล้วค่อยแสดงผลแบบละเอียด , ต้องการนำเสนอภาพแบบภาพเคลื่อนไหว
3.3.1 ความละเอียดของภาพ
ความละเอียดของภาพหมายถึง จำนวนจุดที่ใช้ในการประกอบกันเป็นภาพ เช่น ความละเอียดของภาพขนาด 640 x 480 จุด
3.3.2 จำนวนสี
จำนวนสีหมายถึง จำนวนสีที่จุดภาพสามารถเก็บหรือแสดงได้ เช่น จุดภาพ 1 จุดที่ใช้เนื้อที่ 8 บิต จะมีจำนวนสีได้ 256 สี
3.3.3 รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก
รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก หมายถึง รูปแบบของข้อมูลที่ใช้ในการจัดเก็บภาพกราฟิกลงในแฟ้ม มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ตัวอย่างเช่น
1) จิฟ (Graphics interchange Format : GIF) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .GIF เป็นรูปแบบการเปลี่ยนระหว่างกราฟิกแฟ้มภาพกราฟิกที่พัฒนาขึ้นมาใช้เข้ารหัสและรับส่งแลกเปลี่ยนแฟ้มภาพกราฟิกบนอินเทอร์เน็ต จึงมีการบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลดขนาดของแฟ้ม โดยกำหนดให้ภาพที่เก็บด้วยรูปแบบนี้แต่ละจุดภาพมีขนาด 8 บิต ภาพที่เก็บด้วยรูปแบบนี้จึงมีความละเอียดที่จำนวนสี 256 สี ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานในการทำงานปกติทั่วไป มักจะใช้เมื่อต้องการไฟล์ที่มีขนาดเล็ก , จำนวนสีและความละเอียดของภาพไม่สูงมากนัก , ต้องการพื้นแบบโปร่งใส , ต้องการแสดงผลแบบโครงร่างก่อน แล้วค่อยแสดงผลแบบละเอียด , ต้องการนำเสนอภาพแบบภาพเคลื่อนไหว
จุดเด่น
- มีขนาดไฟล์ต่ำ
- สามารถทำพื้นของภาพให้เป็นพื้นแบบโปร่งใสได้
( Transparent)
- มีระบบแสดงผลแบบหยาบและค่อยๆ
ขยายไปสู่ละเอียดในระบบ Interlace
- มีโปรแกรมสนับการสร้างจำนวนมาก
- เรียกดูได้กับ
Graphics
Browser ทุกตัว
- ความสามารถด้านการนำเสนอแบบภาพเคลื่อนไหว
( Gif
Animation)
จุดด้อย
- แสดงสีได้เพียง
256 สี
ไฟล์ .GIF มี 2 สกุล ได้แก่
GIF87 พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1987
เป็นไฟล์กราฟิกรุ่นแรกที่สนับสนุนการนำเสนอบนอินเทอร์เน็ต เป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็กและแสดงผลสีได้เพียง 256 สี และกำหนดให้แสดงผลแบบโครงร่างได้ (Interlace)
เป็นไฟล์กราฟิกรุ่นแรกที่สนับสนุนการนำเสนอบนอินเทอร์เน็ต เป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็กและแสดงผลสีได้เพียง 256 สี และกำหนดให้แสดงผลแบบโครงร่างได้ (Interlace)
GIF89A พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1989
เป็นไฟล์กราฟิกที่พัฒนาต่อจาก GIF87 โดยเพิ่มความสามารถการแสดงผลแบบพื้นโปร่งใส ( Transparent) และการสร้างภาพเคลื่อนไหว (GIF Animation) ซึ่งเป็นไฟล์กราฟิกที่มีความสามารถพิเศษโดยนำเอาไฟล์ภาพหลายๆ ไฟล์มารวมกันและนำเสนอภาพเหล่านั้นโดยอาศัยการหน่วงเวลา มีการใส่รูปแบบการนำเสนอลักษณะต่างๆ( Effects) ในลักษณะภาพเคลื่อนไหว
เป็นไฟล์กราฟิกที่พัฒนาต่อจาก GIF87 โดยเพิ่มความสามารถการแสดงผลแบบพื้นโปร่งใส ( Transparent) และการสร้างภาพเคลื่อนไหว (GIF Animation) ซึ่งเป็นไฟล์กราฟิกที่มีความสามารถพิเศษโดยนำเอาไฟล์ภาพหลายๆ ไฟล์มารวมกันและนำเสนอภาพเหล่านั้นโดยอาศัยการหน่วงเวลา มีการใส่รูปแบบการนำเสนอลักษณะต่างๆ( Effects) ในลักษณะภาพเคลื่อนไหว
2) เจเพ็ก (Joint Photographic Expert Group Graphics : JPEG) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น
.JPEG เป็นรูปแบบของแฟ้มภาพกราฟิกแบบกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านภาพ
ที่พัฒนาโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การระหว่างประเทศ
ว่าด้วยมาตรฐาน ( ISO) และคณะกรรมการที่ปรึกษาระหว่างประเทศเกี่ยวกับโทรเลขและโทรศัพท์(CCITT)
รูปแบบนี้เหมาะสำหรับงานถ่ายภาพ ภาพศิลปะ
และภาพวาดที่มีคุณภาพสีสันตามธรรมชาติ ความละเอียดคมชัดไม่เหมาะกับงานภาพลายเส้น
ข้อความ หรืองานการ์ตูนง่าย ๆ การบีบอัดภาพของรูปแบบกราฟิกนี้จะทำให้คุณภาพของภาพบางส่วนสูญหายไป
โดยใช้หลักการมองเห็นของมนุษย์ที่ว่า สีที่มีการเปลี่ยนไปเล็กน้อยจะสังเกตพบได้ไม่ชัดเจนเท่ากับการเปลี่ยนความเข้มแสง
ปกติสัดส่วนของการบีบอัดของรูปแบบกราฟิกนี้จะเป็น 10 : 1 หรือ 20 : 1 ซึ่งจะไม่ทำให้สามารถสังเกตเห็นคุณภาพของภาพที่ลดลง
จุดภาพแต่ละจุดมีขนาด 24 บิต แยกเก็บเป็นแม่สีที่แต่ละสีมีขนาด 8 บิต
เมื่อผสมสีทั้งหมดจะได้เท่ากับ256x256x256 สี
หรือประมาณ 16 ล้านสี อย่างไรก็ตามรูปแบบของกราฟิกนี้สามารถเลือกลดจำนวนสีลงให้เหลือ 256
สีได้ มักใช้กรณี ภาพที่ต้องการนำเสนอมีความละเอียดสูง
และใช้สีจำนวนมาก (สนับสนุนถึง 24 bit color) , ต้องการบีบไฟล์ตามความต้องการของผู้ใช้
, ไฟล์ชนิดนี้มักจะใช้กับภาพถ่ายที่นำมาสแกน
และต้องการนำไปใช้บนอินเทอร์เน็ต เพราะให้ความคมชัดและความละเอียดของภาพสูง
จุดเด่น
- สนับสนุนสีได้ถึง
24 bit
- สามารถกำหนดค่าการบีบไฟล์ได้ตามที่ต้องการ
- มีระบบแสดงผลแบบหยาบและค่อยๆ
ขยายไปสู่ละเอียดในระบบ Progressive
- มีโปรแกรมสนับสนุนการสร้างจำนวนมาก
- เรียกดูได้กับ
Graphics
Browser ทุกตัว
- ตั้งค่าการบีบไฟล์ได้
( compress
files)
จุดด้อย
ทำให้พื้นของรูปโปร่งใสไม่ได้
3)
บีเอ็มพี (bitmap) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น
.bmp เป็นรูปแบบของแฟ้มภาพกราฟิกซึ่งออกแบบโดยบริษัทไมโครซอฟต์
เป็นรูปแบบพื้นฐานที่ใช้งานได้ดีกับโปรแกรมที่ทำงานภายใต้วินโดว์
และใช้งานมากบนระบบวินโดว์ จุดประสงค์ของรูปแบบ
นี้เน้นให้แสดงผลได้รวดเร็วบนระบบวินโดว์ ขนาดของแฟ้มภาพที่ได้จึงมักมีขนาดใหญ่กว่ารูปแบบของแฟ้มชนิดอื่น
ปกติภาพที่ได้จากโปรแกรมการวาดภาพจะมีรูปแบบของแฟ้มเป็น .bmp
ไฟล์ BMP ที่เห็นบ่อยๆ คือ
ภาพวอลล์เปเปอร์ที่แสดงบนจอภาพของวินโดว์ โดยสามารถแสดงได้ตั้งแต่ 2,16,256
และ 16 ล้านสี
ข้อควรคำนึงในการจัดเก็บแฟ้มภาพกราฟิก
1) เลือกใช้จำนวนสีให้เหมาะสม การใช้จำนวนสีมากจะทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง แต่จะสิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก ดังนั้นการเลือกใช้จำนวนสีที่เหมาะสมกับภาพจะทำให้เปลืองเนื้อที่น้อยกว่าและส่งผลให้สามารถประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพที่ใช้จำนวนสี 16 ล้านสี (24 บิต) ต้องการเนื้อที่ต่อจุดเป็น 3 เท่าของภาพที่ใช้จำนวนสี 256 สี ภาพบางภาพที่เป็นแผนภูมิอาจใช้จำนวนสี 16 สี ก็เพียงพอ
2) เลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีขนาดลดลง รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกมีผลขนาดของแฟ้มข้อมูล เช่น รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิ แบบ bmp ถูกออกแบบมาเพื่อให้นำแสดงผลได้รวดเร็ว แฟ้มเหล่านี้จะกินเนื้อที่มาก รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบเจเพ็ก (.jpeg) มีผลให้คุณภาพของภาพด้อยลง แต่ลดขนาดแฟ้มภาพกราฟิกให้มีขนาดหนึ่งในสามของรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) ในขณะที่รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) เก็บจำนวนสี 256 สี ดังนั้นควรเลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บภาพกราฟิก
3) เลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูล ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บภาพในรูปแบบแฟ้มที่ลดขนาดข้อมูล การเลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูลบางตัว เช่น pkzip หรือ winzip จะช่วยลดขนาดข้อมูลในการจัดเก็บลงแฟ้มได้
1) เลือกใช้จำนวนสีให้เหมาะสม การใช้จำนวนสีมากจะทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง แต่จะสิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก ดังนั้นการเลือกใช้จำนวนสีที่เหมาะสมกับภาพจะทำให้เปลืองเนื้อที่น้อยกว่าและส่งผลให้สามารถประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพที่ใช้จำนวนสี 16 ล้านสี (24 บิต) ต้องการเนื้อที่ต่อจุดเป็น 3 เท่าของภาพที่ใช้จำนวนสี 256 สี ภาพบางภาพที่เป็นแผนภูมิอาจใช้จำนวนสี 16 สี ก็เพียงพอ
2) เลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีขนาดลดลง รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกมีผลขนาดของแฟ้มข้อมูล เช่น รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิ แบบ bmp ถูกออกแบบมาเพื่อให้นำแสดงผลได้รวดเร็ว แฟ้มเหล่านี้จะกินเนื้อที่มาก รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบเจเพ็ก (.jpeg) มีผลให้คุณภาพของภาพด้อยลง แต่ลดขนาดแฟ้มภาพกราฟิกให้มีขนาดหนึ่งในสามของรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) ในขณะที่รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) เก็บจำนวนสี 256 สี ดังนั้นควรเลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บภาพกราฟิก
3) เลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูล ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บภาพในรูปแบบแฟ้มที่ลดขนาดข้อมูล การเลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูลบางตัว เช่น pkzip หรือ winzip จะช่วยลดขนาดข้อมูลในการจัดเก็บลงแฟ้มได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น